สาเหตุจากการหดตัวของงานปักและการแก้ไข

ปัญหา สาเหตุของปัญหา การแก้ไขปัญหา
1.ความตึงของไหมปักไม่เหมาะสม ความตึงของไหมปักและด้ายล่างมีมากเกินไปทำให้ฝีเข็มตึง ปรับความตึงของไหมปักและกระสวยเพือไม่ใหฝีเข็มตึงเกินไป
2.แรงขอตีนผีไม่เหมาะสม แรงของตีนผีที่ทดลงผ้าปักมากเกินไป ให้ผ่อนแรงกดของตีนผ
3.รูของปักบนจานเข็มมีขนาดไม่เหมาะสม รูเข็มปักบนจานเข็มมีขนาดใหญ่เกินขนาดของเข็มปัก เลือกจานเข็มที่มีรูเข็มปักเหมาะกับเข็มปัก
4.เข็มมีปัญหา หัวเข็มปักทู่,ขนาดของเข็มปักใหญ่เกินไป เปลี่ยนเข็มใหม่ ใช้เข็มปักให้เหมาะสม

เรื่อง สาเหตุของปัญหา การแก้ไขปัญหา
ลายปัก A. ฝีเข็มถี่เกินไป A. แก้ไขฝีเข็มในลายปักให้เหมาะสม
  B. ไหมขาดซ้ำในตำแหน่งเดียวกันบ่อย B. แก้ไขฝีเข็มในลายปักให้เหมาะสม
เข็มปัก A. เข็มปักไม่เหมาะสมกับขนาดของไหม A. เปลี่ยนเข็มปักให้เหมะกับขนาดของไหม
  B. เข็มปักงอหรือหัก B. เปลี่ยนเข็มปักใหม่
  C. เข็มปักตั้งไม่ถูกตำแหน่ง C. ตั้งเข็มปักให้ถูกตำแหน่ง
  D. เมื่อปักผ้าแบบผ้าปะจะมีกาวติดที่เข็ม D. ทำความสะอาดเข็มปักหรือเปลี่ยนเข็มปักใหม่
  E. รูหรือร่องเข็มปักไม่เรียบ E. เปลี่ยนเข็มปักใหม่ที่รูเข็มเรียบ
ไหมปัก A. ขนาดของไหมปักไม่เหมะสมกับเข็มปัก A. เปลี่ยนไหมปักให้เหมาะกับเข็ม
  B. คุณภาพของไหมปักต่ำ
(เก่า,ย้อย,เกลียวแตก, ความหนาไม่เท่ากัน)
B. เลือกคุณภาพของไหมปักให้อยู่ในเกณฑ์ดี
  C. ใช้ไหมตีเกลียวขวา C. ให้ใช้ไหมตีเกลียวซ้าย
ความตึงของไหมบนและไหมล่าง A. ความตึงของไหมบนและด้ายล่างตึงเกินไป A. เปลี่ยนไหมปักให้เหมาะกับเข็มปัก
  B. ความตึงของไหมบนและด้ายล่างไม่ สัมพันธ์กัน B. ปรับความตึงของไหมบนและด้ายล่างให้สัมพันธ์กัน
  C. สปริงตัวกระตุกไหมแข็งเกินไป C. ปรับหรือเปลี่ยนสปริงตัวกระตุกไหม

กระดาษรองปัก

กระดาษรองปักถูกใช้เพื่อป้องกันการยืดหรือหดตัวของผ้าที่เกิดจากการปักและถูกยึดด้วยสะดึง(ผ้ายืดจะจะยืดและหดอย่างชัดเจน) วางกระดาษรองปักใต้ผ้าทีต้องการปัก โดยให้ขนาดของกระดาษมีขนาดใกล้เคียงกับลวดลายที่จะปัก

ชนิดของกระดาษรองปัก คุณลักษณะ การฉีดกระดาษหลังปัก ต้นทุนกระดาษ
กระดาษรองปักญี่ปุ่น เหมาะกับการปัก ค่อนข้างเหนียวแข็งเนื่องจากความหยาบของกระดาษติดทนและลอกออกค่อนข้างยาก ค่อนข้างแพง
กระดาษมัน(กระดาษพาราพินกระดาษไข) เข็มสามารถผ่านได้ดี,ไม่เกิดปํญหาไหมขาด เหมาะที่จะใช้เป็นกระดาษรองปัก ลอกออกง่าย แพง
กระดาษที่ใช้เครื่องทำ(หลายชนิด) ไม่ทนและไม่เหมาะกับการใช้เป็นผ้ารองปัก ต้นทุนต่ำจึงนำมาใช้เป็นกระดาษรองปัก ลอกออกง่าย ไม่แพงนัก
กระดาษหนังสือพิมพ์ ไม่เหมาะกับการใช้เป็นกระดาษรองเพราะมีตัวพิมพ์ที่กระดาษ ต้นทุนต่ำจึงนำมาใช้กับงานปักที่มีราคาถูกลอกออกง่าย ถูกมาก
กระดาษใยสังเคราะห์ เหมาะที่สุดสำหรับงานปัก ลอกออกไม่ง่ายนัก แพง

 

อื่นๆ: ผ้ารองปักที่มีส่วนผสมของพลาสติก

        -ละลายโดยใช้น้ำเย็นหรือน้ำร้อน

        -ละลายโดยความร้อน

ข้อสังเกต: ผ้ารองปักที่มีส่วนผสมของพลาสติกจะถูกใช้ในบางกรณี

การใช้กระดาษรองปัก

  โดยทั่วไปกระดาษรองปักจะติดกับด้านหลังผ้าที่จะปัก

  วางงานปักบนสดึง ขึงกระดาษรองปักด้วยสดึง วางผ้าที่จะปักบนสดึง กรณีนี้จะใช้ในกรณีที่ไม่ต้องการใมรอยสะดึงบนผ้า

เทคนิคการเลือกเข็ม

การเลือกเข็มที่เหมาะสมนั้น ชนิดและความหนาของเนื้อผ้าสำคัญมากถ้าเลือกเข็มที่ไม่เหมาะสมจะทำให้ฝีเข็มไม่สวย,ไหมขาด หรือเข็มกระโดดโดยทั่วไปจะใช้เข็ม DBxK5 สำหรับงานปัก

 

1.ชนิดของเข็ม 

รหัส

การใช้งาน

เบอร์

DBx1

ฝีเข็มทั่วไป

7-25

DBx1KN

สำหรับผ้านิตติ้ง(ตัวเข็มบาง แต่รูเข็มจะใหญ่)

8-14

DB-K23

ฝีเข็ม(รูเข็มจะใหญ่กว่า KN)

9-12

DBx1738

ป้องกันเข็มกระโดด

8-25

DBxK5

สำหรับงานปัก

(พัฒนาจาก DBx1 แต่รูจะใหญ่กว่า2 เท่า)

9-18

DAx1

สำหรับชิ้นงานบางๆเช่นเชิ้ต

7-22

DAx1KN

สำหรับผ้านิตติ้ง

(ตัวเข็มจะบางกว่าแต่รูเข็มใหญ่)

8-11

 ข้อสังเกต: DBxK5 จะมีรูเข็มที่ใหญ่กว่า DBx1 2 เท่า ดังนั้งสำหรับงานปักแล้วควรจะใช้ DBxK5

 

2.เข็มกระโดด

     อาการเข็มกระโดดเป็นเพราะห่วงที่เกิดจากไหม และตำแหน่งของความสัมพันธ์ระหว่างเข็มและเขี้ยวโรตารี่ฮุค ตั้งเขี้ยวให้ใกล้กับเข็มที่สุดเพื่อให้เขี้ยวสามารถเกี่ยวไปในห่วงได้อย่างสม่ำเสมอ  ห่างที่เกิดขึ้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะของไหม,เข็มและชนิดของเนื้อผ้าที่ใช้ปัก 

   ในรูปแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของห่วงที่เกิดจากไหมต่างชนิดกันถ้าห่วงที่เกิดขึ้นไม่สม่ำเสมอก็จะทำให้เกิดอาการเข็มกระโดดได้

    ขนาดของรูเข็มและช่องเข็มด้านหน้า ต่างกันไปตามขนาดของเข็ม ร่องเข็มมีส่วนสำคัญอย่างมากในกระบวนการปักเพราะช่วงระหว่างที่เข็มแทงเข้าไปในเนื้อผ้าและออกจากเนื้อผ้าเส้นด้ายจะหลบเข้าไปในร่อง ป้องหันการเสียดสีระหว่างเข็มและผ้า ไม่เช่นนั้นไหมจะขาด ดังนั้นจึงต้องเลือกเข็มที่มีรูเข็มและร่องเข็มให้ไหมผ่านได้อย่างสะดวก

เทคนิคการเลือกด้ายล่าง

โดยทั่วไปจะใช้ด้าย COTTON #80-120 สำหรับด้ายล่าง

ข้อสังเกต: ถ้าด่ายล่างขาดง่าย จะทำให้เกิดปัญหาด้ายขาดบ่อย ในทางตรงกันข้าม ถ้าด้ายล่างเหนียวเกินไป ก็จะทำให้เกิดปัญหาด้ายขาดและชิ้นงานที่ดูไม่สวย

การกลอด้ายล่าง

1. ให้กลอด้ายตามลักษณะในรูปที่ 1

2. ถ้ากลอด้ายในลักษณะอื่นดังรูป จะทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง รวมทั้งด้ายขาด, ด้ายติดเป็นปม,และชิ้นงานไม่สวย

3. ควรกลอด้ายล่างประมาณ 80% ของความจุกระสวย เพราะถ้ากลอมากเกินไปจะทำให้การส่งด้ายติดขัด

ข้อสังเกต: ความจุกระสวย 80% จะเท่ากับประมาณ 80 m. สำหรับกระสวยทั่วไป ถ้าเป็นกระสวยใหญ่ จะมีความจุ 2 เท่า 

 


การตั้งความตึงหย่อนของกระสวย

1.ใส่กะสวย (2)ที่ผ่านการกลออย่างถูกต้อง

2. ดึงเส้นด้าย(5)ผ่านร่องกระสวย(3)และดึงออกทางร่องไหม(4)ดึงเส้นด้ายดูว่ากระสวยหมุนไปในทิศทางดังรูปหรือไม่

3. ปรับความตึงหย่อนของไหม ด้วยสกรูที่ปีกกระสวย(6)

4. ดึงเส้นด้ายออกมา จากกระสวย ประมาณ 50mm. ก่อนที่จะใส่เข้าไปในกระโหลก

ข้อสังเกต: ความตึงที่เหมาะสม

              จับเส้นด้ายและดึงขึ้น-ลง เบาๆ เส้นด้ายควรตามแรงขึ้นตามน้ำหนักของมันความตึงควรจะประมาณ 20-30 g.

เทคนิคการเลือกไหม

การเลือกด้ายบนหรือไหมสำหรับปัก

1.จะต้องมีเกลียวที่เท่ากัน จับแล้วลื่น และมีความหนาทีเท่ากัน

2.ต้องพันเกลียวแน่น ไม่มีหลวม และต้องพันเกลียวไปทางซ้าย (เพราะ ROTARY HOOK หมุนไปทางซ้าย ทวนเข็ม  

   นาฬิกา) เกลียวที่บิดไปทางซ้ายจะช่วยป้องกันไม่ให้ไหมคลายเกลียวระหว่างปัก

3.ไหมต้องไม่เก่าจนเปลี่ยนสภาพไปทั้งเฉดสีและความลื่น

4.ไหมต้องคงสภาพเดิม คุณภาพคงเดิม

5.ความหนาของเส้นไหมต้องเหมาะสมกับเข็มที่ใช้

6.เส้นไหมต้องยืดและหดได้เล็กน้อย

7.ความเหนียวของไหมต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน

8.เส้นไหมจะต้องไม่มีปมหรือความผิดพลาดอื่นๆ

9.เส้นไหมจะต้องไม่สีตก

10.เส้นไหมจะต้องราคาไม่แพง หรือหาได้ง่าย โดยทั่วไปแล้ว ไหมปักที่ใช้จะเป็นไหม RAYON #120

11.เลือกลักษณะการกลอไหม จะมี 3 ลักษณะใกรกลอไหมให้เป็นหลอด คือแบบเนยแข็ง (Cheese) ,โคน(Cone)

    และแบบปลายเปิด(Single-end)

  *แบบเนยแข็งไม่เหมาะสมที่จะใช้กับเครื่องปัก ควรจะเลือกใช้แบบโคน หรือแบบปลายเปิด